มาพูดถึงความวิตกกังวลกัน

คนกำลังนั่ง

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางการเงิน ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด หรือภาระงานที่ล้นหลาม ความวิตกกังวลก็มีหนทางที่จะคืบคลานเข้ามาในชีวิตเราทั้งนั้น

มันไม่ใช่เรื่องน่าละอาย—แต่คุณก็ไม่ควรจะนั่งจมอยู่กับมันเช่นกัน

พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะเดินเคียงข้างเราและแบ่งเบาภาระของเรา ยอมให้พระองค์เติมสันติสุขให้กับคุณผ่านแผนการอ่านเหล่านี้

หาแผนการอ่านเพิ่มเติม

Facebookแบ่งปันบนเฟซบุ๊ค

Twitterแบ่งปันบนทวีตเตอร์

อีเมล์แบ่งปันทางอีเมล

หยุดพักในโลกที่วุ่นวาย

คนบนถนนที่พลุกพล่าน

“บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก จงเอาแอกของเราแบกไว้แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิดใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก”

มัทธิว 11:28-29

บ่อยครั้ง โลกใบนี้ดูโกลาหล เราตื่นขึ้นด้วยเสียงสัญญาณฉุกเฉินและรีบเร่งจากกิจกรรมหนึ่งไปยังอีกกิจกรรมหนึ่ง

การขัดจังหวะตารางงานอันยุ่งเหยิงของเราอาจทำให้รู้สึกเหนือความคาดหมาย—เรากังวลว่าเราจะล้าหลัง โลกนี้กรีดร้องให้เราให้ทุ่มเทลงไป ทำงานให้หนัก ทำงานให้หนักกว่านี้อีก

แต่พระคัมภีร์สนับสนุนให้เราหยุดและหันไปหาพระเจ้าแทน

ในโลกที่เคลื่อนไปด้วยความเร็วที่เราไม่อาจทนได้ เราจะหาเวลาหยุดพักได้อย่างไร?

ค้นหาเหตุผลของคุณ

พระเจ้าสร้างเราให้ทำงานอย่างมีจุดมุ่งหมาย แต่มันมีความแตกต่างระหว่างการทำงานที่มีความหมายกับการปล่อยให้งานนั้นกลายเป็นตัวตนของเรา วินาทีที่เราข้ามเส้นนั้น เราก็ติดอยู่ในวงจรของปัญหา

การใช้เวลาเพื่อหยุดพักเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามสุดขั้วกับสิ่งที่โลกเรียกร้องจากเรา

แต่ เป็นสิ่งที่พระเจ้าสั่งให้เราทำมาตลอดทั้งพระคัมภีร์อย่างสม่ำเสมอ

จากจุดเริ่มต้น พระเจ้าได้ให้ต้นแบบการหยุดพัก และ พระองค์ทรงบัญชาให้เราทำให้การหยุดพักเป็นส่วนหนึ่งของจังหวะชีวิตประจำสัปดาห์

บางทีคุณอาจตระหนักว่าคุณต้องพักผ่อนเพราะคุณสังเกตเห็นบางสิ่งในชีวิตของคุณเริ่มที่จะมีความสำคัญมากกว่าพระเจ้า มันอาจจะเป็นการจัดลำดับความสำคัญของสุขภาพจิตของคุณ บางทีคุณอาจแค่เหนื่อยจนหมดแรง

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จงค้นหาวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าเหตุใดการหยุดพักจึงสำคัญสำหรับคุณ

กำหนดเวลาไว้ในปฏิทินของคุณ

เวลาเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของเรา

หากเราไม่กำหนดเวลาหยุดพักไว้ล่วงหน้า อาจมีอย่างอื่นมาใช้ทรัพยากรนั้นหมดไป

วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งที่จะได้หยุดพักคือการวางแผนว่าคุณจะทำเมื่อไหร่ ลองจัดตารางเวลาในปฏิทินของคุณ และลองสื่อสารช่วงเวลาเหล่านั้นให้กับครอบครัวและเพื่อนของคุณ

ไม่ว่าจะเป็น 20 นาทีหรือ 24 ชั่วโมง การหยุดพักจะทำให้คุณรู้สึกซาบซึ้งและสัมผัสได้กับบรรดาสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างคุณให้ทำ

ให้สิ่งที่ตั้งตารอกับตัวคุณเอง

เมื่อคุณหยุดการงานและชะลอตัวเองลงเพื่อเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น จะมีแนวโน้มว่าคุณจะรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่มั่นคง

นั่นอาจหมายความว่าคุณกำลังทำได้ถูกต้องแล้ว

เมื่อเราหยุดพัก สิ่งล่อใจให้ยุ่งวุ่นวายจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่การหยุดพักที่แท้จริงไม่ได้ดูเหมือนการไม่ทำอะไรเลยเสมอไป

เมื่อคุณจัดตารางเวลาเพื่อหยุดพัก ให้วางแผนทำในสิ่งที่ทำให้คุณเพลิดเพลินหรือสงบสุข

ซึ่งอาจรวมถึงการใช้เวลาชื่นชมการทรงสร้างของพระเจ้า หรือการฝึกฝนงานอดิเรกที่พระเจ้าทรงโยงสายใยให้คุณหลงใหลเกี่ยวกับมัน

อย่าทำเพียงคนเดียว

พระเจ้าสร้างเราเพื่อเป็นชุมชน เรามีสายใยสำหรับความสัมพันธ์ และความสัมพันธ์เหล่านั้นสามารถเป็นหนึ่งในวิธีที่จับต้องได้มากที่สุดที่เราจะได้สัมผัสกับการทรงสถิตของพระเจ้า

การหาจังหวะของการหยุดพักไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องทำคนเดียว ลองคิดหาวิธีพักผ่อนร่วมกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง

การพักผ่อนไปด้วยกันจะช่วยให้คุณยังคงมีความรับผิดชอบเมื่อโลกพยายามดึงคุณเข้าสู่การทำงานและกิจกรรม

จงอย่าหยุดยั้ง

การฝึกที่จะหยุดพักเป็นวินัยทางจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง และเช่นเดียวกับวินัยอื่นๆ การหยุดพักต้องการความมุ่งมั่นและการควบคุมตนเอง

เมื่อเราเลือกที่จะไม่พึ่งพาความพยายามของเราเองและยอมให้พระเยซูเข้ามาควบคุมแทน เรายอมปล่อยวางความละอาย การดิ้นรน และความคาดหวังของเรา ในทางกลับกัน เราจะประสบกับสันติสุขอันสมบูรณ์แบบของพระเจ้า

การหยุดพักช่วยให้เรามีความสุขกับการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าและจัดลำดับความสำคัญของเราใหม่

การหยุดพักทำให้เราวางใจว่าพระเจ้ากำลังทรงทำงานแม้ว่าเราจะไม่ได้ทำงานก็ตาม

การหยุดพักคือการที่เราวางใจในพระผู้ช่วยให้รอดของเรามากพอที่จะพูดว่า “พอแล้ว”

อยากจะหยุดสักครู่ในการทรงสถิตของพระเจ้าตอนนี้เลยหรือไม่?

เปิดบทนำอธิษฐาน

Facebookแบ่งปันบนเฟซบุ๊ค

Twitterแบ่งปันบนทวีตเตอร์

อีเมล์แบ่งปันทางอีเมล

ชุมชนที่หนุนใจ…

1,000,000

เช่นเดียวกับโซเชียลมีเดีย คุณสามารถกดถูกใจและแสดงความคิดเห็นให้กับกิจกรรมของเพื่อนคุณใน YouVersion ได้

และ โดยร่วมมือกัน เราเพิ่งจะไปถึง หนึ่งพันล้านไลค์!

นั่นคือหนึ่งพันล้านครั้งที่ชุมชนของเราได้หนุนใจให้ใครบางคนอ่านพระคัมภีร์ต่อไปและเชื่อมต่อกับพระเจ้าผ่านพระคำของพระองค์

การมีเพื่อนสักคนที่คอยหนุนใจสามารถสร้างความแตกต่างได้…


“ฉันได้พบกับเพื่อน ๆ ใน YouVersion และฉันก็ได้รู้ว่าฉันไม่ได้โดดเดี่ยว พระเจ้าได้เตือนว่าฉันมีเพื่อน ๆ ฉันเป็นที่ต้องการ และฉันอยู่แสนห่างไกลจากความไร้ค่า”

KK | เท็กซัส, สหรัฐอเมริกา


บางทีคุณอาจรู้สึกโดดเดี่ยวในตอนนี้ หรือบางที คุณอาจเป็นเสียงนั้นที่หนุนใจคนอื่นได้

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวคุณเอง คุณเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน

เริ่มแผนการอ่าน กับเพื่อนสักคน อธิษฐานเผื่อกันและกัน และเฝ้าดูชุมชนและความเชื่อของคุณเติบโต

รูปภาพโปรไฟล์

เชิญเพื่อน

Facebookแบ่งปันบนเฟซบุ๊ค

Twitterแบ่งปันบนทวีตเตอร์

อีเมล์แบ่งปันทางอีเมล

100 ภาษา 36 ประเทศ

100

บางสิ่งที่เหลือเชื่อกำลังเกิดขึ้น

ตั้งแต่ปี 2017 ชุมชน YouVersion ของเราได้ถวายด้วยใจกว้างขวางให้กับ พระคัมภีร์สำหรับทุกคน—ความเคลื่อนไหวที่มุ่งเน้นในการทำให้ทุกคนบนโลกใบนี้ได้เข้าถึงพระคัมภีร์

และ เราเพิ่งมาถึงก้าวที่ ยิ่งใหญ่ ด้วยกัน เราได้ร่วมให้ทุนสนับสนุนการแปล 100 ภาษา ใน 36 ประเทศ!

ถวายตอนนี้

จิตใจกว้างขวางของคุณได้เสริมกำลังให้แก่บรรดานักแปลและผู้เผยแพร่พระคัมภีร์ทั่วโลก และมันได้ทำให้ผู้คน นับล้าน ได้เข้าถึงพระวจนะของพระเจ้าในภาษาของพวกเขา

ซึ่งรวมถึงการช่วยให้ทุนแก่พระคัมภีร์ในภาษามือโคลอมเบีย การแปลพระคัมภีร์ภาษายูเครนใหม่ ภาษาชนเผ่าในกานา และอีก มากมาย

พระเจ้ากำลังทำบรรดาสิ่งน่าอัศจรรย์ผ่านความเอื้อเฟื้อของชุมชนของเรา และนี่เป็นเพียงการเริ่มต้น…

ยังมีโอกาสที่จะช่วยให้ทุนแก่การแปลพระคัมภีร์ นับพัน คุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่พระเจ้ากำลังทำในชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยการให้ในวันนี้

ถวายตอนนี้

Facebookแบ่งปันบนเฟซบุ๊ค

Twitterแบ่งปันบนทวีตเตอร์

อีเมล์แบ่งปันทางอีเมล


ผลงานทั้งหมดที่ได้รับผ่านแคมเปญพระคัมภีร์สำหรับทุกคนจะถูกนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์ในการแปลพระคัมภีร์เท่านั้น และกระจายไปตามโครงการแปลต่างๆ ที่มีผลกระทบสูง เมื่อแต่ละโครงการเสร็จสิ้น เงินทุนที่เหลืออยู่จะถูกนำไปใช้กับโครงการแปลถัดไป ตามที่ YouVersion และพันธมิตรได้เลือกไว้

“พระเจ้าอยู่ที่ไหนเมื่อฉันรู้สึกโดดเดี่ยว?”

คนกำลังมองดูน้ำ

แม้ว่าคุณจะรู้สึกโดดเดี่ยว พระเจ้ายังคงอยู่กับคุณ

แต่หากพระเจ้าทรงอยู่ใกล้ เหตุใดคุณจึงไม่รู้สึกถึงการทรงสถิตของพระองค์หรือมีสันติสุขของพระองค์เล่า?

เอลียาห์เป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า แต่เขาก็ยังต้องต่อสู้กับความเดียวดาย หลังจากเอาชนะผู้เผยพระวจนะเท็จของพระบาอัลแล้ว เขาก็หวาดกลัวและซ่อนตัวอยู่ในถ้ำอย่างอกสั่นขวัญแขวน พ่ายแพ้ และโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง

แต่พระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งเขา

หากรู้สึกว่าพระเจ้าอยู่ห่างไกล ต่อไปนี้คือข้อเตือนใจสามประการเกี่ยวกับพระลักษณะของพระองค์จากเรื่องราวของเอลียาห์

  1. คุณสามารถซื่อสัตย์กับพระเจ้าเกี่ยวกับความรู้สึกของคุณได้

    พระเจ้าทรงปรากฏต่อเอลียาห์และถามว่า “เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่?”

    เอลียาห์ทูลตอบ “ข้าพระองค์เป็นผู้เผยพระวจนะแต่ผู้เดียวที่เหลืออยู่ และตอนนี้เขาทั้งหลายมุ่งเอาชีวิตข้าพระองค์ด้วย”

    เอลียาห์ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า เขากลัวที่จะถูกเอาชีวิต และสงสัยว่าพระเจ้าจะพลิกสถานการณ์ของเขาให้ดีได้อย่างไร

    แต่ความซื่อสัตย์ของเขาไม่ได้ทำให้พระเจ้ากลัวหรือขุ่นเคือง

    เช่นเดียวกับเพื่อนสนิท พระเจ้าไม่ได้ทรงทอดทิ้งเอลียาห์ในยามจำเป็น และเช่นเดียวกันสำหรับคุณด้วย พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งหรือละทิ้งคุณเลย

  2. แม้ว่าคุณจะไม่รู้สึกถึงพระองค์ พระเจ้าทรงอยู่กับคุณเสมอ

    ชีวิตของเอลียาห์ตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเขาจึงทำสิ่งเดียวที่เขาคิดได้—หลบซ่อน

    เมื่อเราหวาดกลัว เราอาจหลงลืมพระสัญญาของพระเจ้าที่จะทรงอยู่กับเรา และพึ่งพากำลังของเราเองเพื่อจะอยู่รอด

    แม้ว่าเราจะหลงลืมพระสัญญาของพระเจ้า พระองค์ก็ทรงเตือนเราว่าพระองค์ทรงอยู่ใกล้

    พระเจ้าบอกให้เอลียาห์ยืนบนภูเขา ลมพายุกล้าก็พัดภูเขาจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ หลังจากลมพายุนั้น ก็เกิดแผ่นดินไหว หลังจากแผ่นดินไหว ก็เกิดไฟลุก

    แต่พระเจ้าไม่ได้สถิตในลม แผ่นดินไหว หรือไฟนั้น

    ภายหลังไฟนั้น ก็มีเสียงเบา ๆ และในตอนนั้นเองที่เอลียาห์ได้รู้ในทันทีว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเขา

    เรามักจะมองหาพระเจ้าในช่วงเวลาสำคัญ ๆ ในชีวิตของเรา แต่พระองค์ทรงอยู่ในความนิ่งเงียบเช่นกัน

  3. พระเจ้าทรงเปิดเผยสิ่งที่คุณไม่อาจมองเห็น

    เอลียาห์เชื่อว่าเขาเป็นเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่ที่ยังคงเชื่อในพระเจ้า

    แต่พระเจ้าทรงเปิดเผยว่า ยังมี 7,000 คนในอิสราเอลที่ไม่ได้กราบไหว้พระบาอัล

    เอลียาห์รู้สึกเหมือนเขาเป็นเพียงคนเดียว แต่พระเจ้าได้เตือนเขาว่าไม่ใช่

    ความโดดเดี่ยวไม่ได้มาจากการอยู่คนเดียวเสมอไป แต่มาจากการคิดว่าคุณอยู่คนเดียวได้ด้วยเช่นกัน

เช่นเดียวกับเอลียาห์ บางทีคุณอาจอยู่ในที่ที่คุณรู้สึกว่าถูกโดดเดี่ยว ถูกทอดทิ้ง หรือถูกหลงลืม

เพียงจำไว้ว่า คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกถึงพระเจ้าเพื่อจะรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ใกล้ พระเจ้าอยู่กับคุณเสมอ

Facebookแบ่งปันบนเฟซบุ๊ค

Twitterแบ่งปันบนทวีตเตอร์

อีเมล์แบ่งปันทางอีเมล